คลายล็อกดาวน์วันนี้ แต่จำนวนผู่ติดเชื้อก็ยังเยอะอยู่ เพราะฉนั้นไม่ได้ก็ต้องระมัดระวังกันให้สูงไว้เหมือนเดิมนะครับ
เมื่อวานพูดถึงบริษัทที่อาจจะเตรียมตัวที่จะบริหารจัดการพนักงานให้เหลือเท่าที่พอใช้ หรือบางครั้งอาจจะน้อยกว่าที่พอใช้ไปซัก 20 % ซึ่งถ้ามองเป็นกลยุทธ์ก็อาจจะไม่น่าแปลก ถ้าแลกมากับแนวทางว่าใช้คนน้อยแล้วจ่ายให้เยอะเข้าไว้ ให้ทำงานแบบ Multi-Skill ก็เป็นแนวทางที่แฟร์และได้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย
แต่อีกมุมนึง ถ้าองค์กรหรือบริษัทมีแนวคิดว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยากลาออกหรอก กอดเก้าอี้กันแน่นเลย บริษัทได้เปรียบแน่ ๆ เพราะฉนั้นเราจะทำยังไงกับพนักงานเราก็ได้อยู่แล้ว
แบบนี้คิดสั้นไปหน่อย คงไม่คิดเลยสินะว่าวันนึงเศรษฐกิจจะดีขึ้น
ถ้าวันนี้ต่อบริษัทดูแลคนไม่ดี คนส่วนนึงก็อาจจะไปไหนไม่ได้ เพราะโอกาสข้างนอกไม่ได้มีมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างที่องค์กรหรือบริษัททำกับพนักงานในตอนนี้ จะไม่มีคนจำ พอถึงเวลาที่โอกาสมีมากขึ้น บริษัทเราก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกแรก ๆ ของเค้า หรืออาจจะไม่ใช่ทางเลือกเลย
ช่วงยากลำบากแบบนี้แหละครับ ทำให้เห็นชัดทั้งฝั่งบริษัทและฝั่งของพนักงาน
แต่ย้ำอีกทีว่า เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างทำ ทั้งบริษัททั้งพนักงาน ว่าเป็นคนดีหรือคนไม่ได้นะ เพราะต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตนเองที่บางที่เราก็อาจจะไม่ได้รู้อะไรลึก ๆ เราตัดสินได้อย่างเดียวว่า สิ่งที่อีกฝ่ายทำ อาจจะไม่ตรงใจเรา ไม่ได้พาเราไปให้ถึงเป้าหมายที่เราคิดเอาไว้ การจะแยกกันเพราะทำอะไรไม่ตรงใจ ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอ
กลับมาที่บริษัท ถ้าวันนี้เราคิดว่าจะทำอะไรกับพนักงานก็ได้ ผมอยากให้ลองคิดใหม่ และลองคิดให้ยาวขึ้นกว่าเดิม
จะเกิดอะไรขึ้นในวันที่สถานการณ์ดีขึ้น มีซักกี่คนที่อาจจะลาออกถ้าสถานการณ์ดีขึ้น การลาออกในตอนที่ทุกอย่างกำลังจะไปในทางที่ดีจะส่งผลกระทบอะไรกับเป้าหมายของเราบ้าง แล้วคิดว่าเราจะหาคนมาเติมทีมได้ง่ายหรือยาก
อย่าด่วนสรุปคำตอบนะ คิดให้ดี ๆ เผื่อจะเป็นตัวบอกเราว่า ตอนนี้อะไรคือสิ่งที่เราควรทำ
ถ้าเป้าหมายของบริษัทยังเหมือนเดิมคือการเติบโตอย่างยั่งยืน ลองคิดให้ดีว่าตอนนี้วิธีการดูแลคนสอดคล้องกับเป้าหมายมั้ย หรือจริง ๆ แล้วเราแค่อยากจะอยู่รอดไปวัน ๆ เราดูแลพนักงานดีไปหรือเปล่า
ลองคิดดูครับ
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2021